Tense คืออะไร? แบ่งออกเป็นกี่ชนิด อะไรบ้าง? การเรียนให้เก่งเกี่ยวกับเรื่อง Tense
ต้องเรียนตามขั้นตอนอย่างไร จงชี้แจงให้กระจ่างด้วย?
Tense คือ “รูปแบบของกริยาที่แสดงให้ทราบว่า การกระทําหรือเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น
เมื่อไร ได้เกิดขึ้นมาแล้วหรือกําลังเกิดขึ้นในกาลข้างหน้า” แบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ
1) Present Tense ปัจจุบันกาล
2) Past Tense อดีตกาล
3) Future Tense อนาคตกาล
อ่านต่อ...
วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2559
Past Simple Tense
โครงสร้าง: S. + V.2
ตัวอย่างประโยค:
ตัวอย่างประโยค:
I ate pizza yesterday. — ฉันทานพิซซ่าเมื่อวานนี้
ใช้ใน: เหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วในอดีตและจบไปแล้ว
ดูตรงไหน: ดูตัวบอกเวลาที่เป็นในอดีต (yesterday, last _) และกริยาเริ่มกันที่ง่ายๆ ตัวนี้ก่อนเลย เป็นตัวที่บอกเหตุการณ์ในอดีตแบบง่ายๆ ไม่มีอะไรมาก เป็นเหตุการณ์ที่จบไปแล้ว ให้สังเกตุที่ตัวบอกเวลาว่าเป็นเวลาในอดีตหรือเปล่า อ่านต่อ...
Past Perfect Tense
หลักการใช้
ใช้บอกเหตุการณ์ในอดีตที่สิ้นสุดไปแล้ว ก่อนจะมีอีกเหตุการณ์เข้ามาแทรกทีหลัง
หมายความว่ามันมีสองเหตุการณ์ (คล้าย past continuous) และต้องใช้ตามนี้ คือ
เหตุการณ์ที่เกิดก่อน (ใช้ Past Perfect Tense)
เหตุการณ์ที่เกิดทีหลัง (ใช้ Past Simple Tense)
**** ให้นักเรียนท่องว่า พาสเพอ (past per) เกิดก่อน พาสซิม (past sim) เกิดหลัง
(เป็นครั้งที่ 2 ที่ past simple เป็นพระรองเพราะเกิดหลัง)
ตัวอย่างแนวข้อสอบ
The train………………..when we………………. to the station.
a. has left, get b. had left, had got
c. left, had got d. had left, got
ใจความของประโยคข้างบนคือว่า ” รถไฟออกไป ตอนที่เราไปถึงสถานี “
ทีนี้ก็ต้องถามตัวเองแล้วว่า อ่านต่อ...
ใช้บอกเหตุการณ์ในอดีตที่สิ้นสุดไปแล้ว ก่อนจะมีอีกเหตุการณ์เข้ามาแทรกทีหลัง
หมายความว่ามันมีสองเหตุการณ์ (คล้าย past continuous) และต้องใช้ตามนี้ คือ
เหตุการณ์ที่เกิดก่อน (ใช้ Past Perfect Tense)
เหตุการณ์ที่เกิดทีหลัง (ใช้ Past Simple Tense)
**** ให้นักเรียนท่องว่า พาสเพอ (past per) เกิดก่อน พาสซิม (past sim) เกิดหลัง
(เป็นครั้งที่ 2 ที่ past simple เป็นพระรองเพราะเกิดหลัง)
ตัวอย่างแนวข้อสอบ
The train………………..when we………………. to the station.
a. has left, get b. had left, had got
c. left, had got d. had left, got
ใจความของประโยคข้างบนคือว่า ” รถไฟออกไป ตอนที่เราไปถึงสถานี “
ทีนี้ก็ต้องถามตัวเองแล้วว่า อ่านต่อ...
Past Continuous Tense
หลักการใช้
1. ใช้เล่าเหตุการที่กำลังเกิดขึ้นในอดีต เช่น
เมื่อวานนี้ฉันไปเที่ยวสวนสาธารณะแล้วก็เห็นอะไรหลายๆอย่างดังนี้
เมื่อวานครอบครัวของฉันไปสวนสาธารณะมา ฉันกำลังกินอาหารว่าง แม่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์ คุณพ่อกับน้องชายกำลังเล่นฟุตบอล ส่วนน้องสาวกับเพื่อนๆของเธอกำลังเล่นวอลเลย์บอล หมาของฉันกำลังนอนหลับอยู่ใต้ต้นไม้ มันเป็นวันที่สดใสจริงๆ
My family went to the park yesterday. I was eating some snacks. My mom was reading a newspaper. My dad and my brother were playing football. My sister and her friends were playing volleyball. My dog was sleeping under the tree. It was a really beautiful day.
หรือถ้าจะบอกว่าคนนั้นกำลังทำอันนี้ คนนี้กำลังทำอันโน้น คนโน้นกำลังทำอันนู้น ก็ได้ เช่น
I was eating while it was raining. อ่านต่อ...
1. ใช้เล่าเหตุการที่กำลังเกิดขึ้นในอดีต เช่น
เมื่อวานนี้ฉันไปเที่ยวสวนสาธารณะแล้วก็เห็นอะไรหลายๆอย่างดังนี้
เมื่อวานครอบครัวของฉันไปสวนสาธารณะมา ฉันกำลังกินอาหารว่าง แม่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์ คุณพ่อกับน้องชายกำลังเล่นฟุตบอล ส่วนน้องสาวกับเพื่อนๆของเธอกำลังเล่นวอลเลย์บอล หมาของฉันกำลังนอนหลับอยู่ใต้ต้นไม้ มันเป็นวันที่สดใสจริงๆ
My family went to the park yesterday. I was eating some snacks. My mom was reading a newspaper. My dad and my brother were playing football. My sister and her friends were playing volleyball. My dog was sleeping under the tree. It was a really beautiful day.
หรือถ้าจะบอกว่าคนนั้นกำลังทำอันนี้ คนนี้กำลังทำอันโน้น คนโน้นกำลังทำอันนู้น ก็ได้ เช่น
I was eating while it was raining. อ่านต่อ...
Present Simple Tense
การใช้ Present Simple Tense มีวิธีใช้ดังนี้ คือ
1. เมื่อเหตุการณ์ที่กล่าวถึงเป็นความจริง เช่น
The earth moves round the sun.
Tigers are dangerous animals.
John is the youngest son.
2. ใช้กับเหตุการณ์ที่กระทำอยู่เป็นประจำ เป็นนิสัย ในกรณีนี้มักจะมีคำแสดงเวลาร่วมอยู่ด้วย คือ always, sometimes, generally, often, every day, every week, every month, etc. เช่น
My son sometimes plays tennis with his อ่านต่อ...
Present Perfect Tense
หลักการใช้
กริยาสามช่องหน้าตาเป็นอย่างไร
การย่อรูป have, has ทำอย่างไร
1. ใช้กับเหตุการณ์เกิดขึ้นในอดีต ดำเนินมาจนถึงขณะนี้ และจะต่อเนื่องไปในอนาคต และจะมีสองคำนี้ประกอบอยู่ด้วย คือ
for ฟอ เป็นเวลา (กี่นาที กี่ชั่วโมง กี่วัน กีสัปดาห์ กี่ปี)
since ซินซ ตั้งแต่ (ตั้งแต่ชั่วโมงไหน วันไหน สัปดาห์ไหน เดือนไหน ปีไหน)
She has studied English since July.
หล่อนเรียน(แล้ว)ภาษาอังกฤษ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม (เรียนตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ตอนนี้เดือนกันยายนแล้ว และมีแนวโน้มจะเรียนต่อไปอีก)
He’s worked in the garden since 8 o’clock.
เขาทำงาน(แล้ว)ในสวนตั้งแต่ 8 โมงเช้า (ตอนนี้สิบโมงแล้ว มีทีท่าว่าจะทำต่อไป)
It has rained for three hours.
ฝนตก (แล้ว) เป็นเวลา 3 ชั่วโมง (และมีแววว่าจะตกต่อไปอีก)
A boy has played football since 3 o’clock.
เด็กชายเล่นฟุตบอล(แล้ว)ตั้งแ อ่านต่อ...
กริยาสามช่องหน้าตาเป็นอย่างไร
การย่อรูป have, has ทำอย่างไร
1. ใช้กับเหตุการณ์เกิดขึ้นในอดีต ดำเนินมาจนถึงขณะนี้ และจะต่อเนื่องไปในอนาคต และจะมีสองคำนี้ประกอบอยู่ด้วย คือ
for ฟอ เป็นเวลา (กี่นาที กี่ชั่วโมง กี่วัน กีสัปดาห์ กี่ปี)
since ซินซ ตั้งแต่ (ตั้งแต่ชั่วโมงไหน วันไหน สัปดาห์ไหน เดือนไหน ปีไหน)
She has studied English since July.
หล่อนเรียน(แล้ว)ภาษาอังกฤษ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม (เรียนตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ตอนนี้เดือนกันยายนแล้ว และมีแนวโน้มจะเรียนต่อไปอีก)
He’s worked in the garden since 8 o’clock.
เขาทำงาน(แล้ว)ในสวนตั้งแต่ 8 โมงเช้า (ตอนนี้สิบโมงแล้ว มีทีท่าว่าจะทำต่อไป)
It has rained for three hours.
ฝนตก (แล้ว) เป็นเวลา 3 ชั่วโมง (และมีแววว่าจะตกต่อไปอีก)
A boy has played football since 3 o’clock.
เด็กชายเล่นฟุตบอล(แล้ว)ตั้งแ อ่านต่อ...
Present Continuous Tense
หลักการใช้
การย่อรูปกริยา คลิกศึกษาเรื่อง is am are
1. ใช้กล่าวเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นขณะที่พูดอยู่ หรือในระหว่างอาทิตย์นั้น เดือนนั้นก็ได้ ซึ่งอาจจะมีคำเหล่านี้อยู่ด้วยก็ได้
now / right now ตอนนี้
at the moment ตอนนี้
หลักการแปล ให้แปลรวบ is am are กับกริยาที่เติม ing ว่า ” กำลัง….”
I am studying hard, John. จอห์น ฉันกำลังเรียนหนักนะ (ไม่ใช่ขณะนี้ แต่เป็นพักนี้)
Most students are using mobile phones. นักเรียนส่วนใหญ่กำลัง(นิยม)ใช้โทรศัพท์มือถือ (ไม่ใช่ขณะนี้ แต่เป็นปัจจุบันนี้)
He is driving a car. เขากำลังขับรถ
She‘s eating an apple. หล่อนกำลังกินแอปเปิ้ล
It is raining at the moment. มันกำ อ่านต่อ...
Future Simple Tense
หลักการใช้ Future Simple Tenseใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดในอนาคต หรือถ้าพูดง่ายๆคือ จะทำอย่างโน้น อย่างนี้ ในวันข้างหน้า ซึ่งโดยปกติจะมีคำบ่งบอกอนาคตเหล่านี้อยู่ด้วย
tonight ทุไนท คืนนี้
tomorrow ทุมอโร พรุ่งนี้
next (เน็กซ์ = ถัดไป) +เวลา, วัน, สัปดาห์, เดือน, ปี, ฤดูกาล หรือ อื่นๆ….
– next hour เน็กซ์เอาเวอะ ชั่วโมงถัดไป
– next Monday, next Tuesday, next Wednesday…..
– next week เน็กซ์วีค สัปดาห์ถัดไป
– next month เน็กซ์มันธ เดือนถัดไป
– next spring, next summer, next fall, next winter / next hot season, next rainy season, next hot season อ่านต่อ...
tonight ทุไนท คืนนี้
tomorrow ทุมอโร พรุ่งนี้
next (เน็กซ์ = ถัดไป) +เวลา, วัน, สัปดาห์, เดือน, ปี, ฤดูกาล หรือ อื่นๆ….
– next hour เน็กซ์เอาเวอะ ชั่วโมงถัดไป
– next Monday, next Tuesday, next Wednesday…..
– next week เน็กซ์วีค สัปดาห์ถัดไป
– next month เน็กซ์มันธ เดือนถัดไป
– next spring, next summer, next fall, next winter / next hot season, next rainy season, next hot season อ่านต่อ...
Future Perfect Tense
โครงสร้าง: S. + will + have + V.3
ตัวอย่างประโยค:
I will have _already eaten pizza by the time you arrive. — ฉันจะทานพิซซ่าหมดตอนเวลาที่คุณมา (ตอนนี้ไม่ได้กิน)
- หรือจะแทน will ด้วย is/am/are + going to ก็ได้ มีความหมายเหมือนกัน
I am going to have been here for 3 days by the time he come back. — ฉันจะอยู่ที่นี้เป็นเวลา 3 วันในตอนที่คุณกลับมา (ตอนนี้อยู่ที่นี่)
ใช้ใน: เหตุการณ์ในอนาคตที่จะเกิดขึ้นก่อนอีกเหตุการณ์หนึ่ง โดยเหตุการณ์แรกต้องเสร็จก่อนเหตุการณ์สอง, เหตุการณ์ที่กำลั อ่านต่อ...
Future Continuous Tense
หลักการใช้
ใช้กล่าวถึงเหตุการที่กำลังเกิดขึ้นในอนาคต หมายความว่า ณ ช่วงเวลาหนึ่งในอนาคต ฉันกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่นะ ซึ่งนานๆ นานมากกว่าจะได้พูดทีหนึ่ง ในที่นีขอยกตัวอย่างมาให้ดู 2 แบบนะครับ คือ มีเหตุการณ์เดียว และมีสองเหตุการณ์เกิดขึ้นไล่เลี่ยกัน
แบบมีเหตุการณ์เดียว ส่วนมากจะระบุเวลาในอนาคตด้วย เช่น
I will be reading books at 8 o’clock tomorrow.
ฉันจะกำลังอ่านหนังสือเวลา 8 นาฬิกา วันพรุ่งนี้
หมายความว่า พรุ่งนี้เวลา 8 นาฬิกา ฉันกำลังอ่านหนัสืออยู่นะ ไม่เชื่อรอดูก็จะเห็น
At nine o’clock tomorrow, we will be working on farm.
พรุ่งนี้เวลา 9 นาฬิกา พวกเราจะกำลังทำงานในฟาร์ม
หมายความว่า พรุ่งนี้ตอน อ่านต่อ...
ใช้กล่าวถึงเหตุการที่กำลังเกิดขึ้นในอนาคต หมายความว่า ณ ช่วงเวลาหนึ่งในอนาคต ฉันกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่นะ ซึ่งนานๆ นานมากกว่าจะได้พูดทีหนึ่ง ในที่นีขอยกตัวอย่างมาให้ดู 2 แบบนะครับ คือ มีเหตุการณ์เดียว และมีสองเหตุการณ์เกิดขึ้นไล่เลี่ยกัน
แบบมีเหตุการณ์เดียว ส่วนมากจะระบุเวลาในอนาคตด้วย เช่น
I will be reading books at 8 o’clock tomorrow.
ฉันจะกำลังอ่านหนังสือเวลา 8 นาฬิกา วันพรุ่งนี้
หมายความว่า พรุ่งนี้เวลา 8 นาฬิกา ฉันกำลังอ่านหนัสืออยู่นะ ไม่เชื่อรอดูก็จะเห็น
At nine o’clock tomorrow, we will be working on farm.
พรุ่งนี้เวลา 9 นาฬิกา พวกเราจะกำลังทำงานในฟาร์ม
หมายความว่า พรุ่งนี้ตอน อ่านต่อ...
Gerund
Gerund คือ คำกริยา + ing หรือ v-ing
Gerund มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับ present participle แต่ทำหน้าที่ต่างกัน นั่นคือ present participle ทำหน้าที่เป็น ‘predicative adjunct’ และ ‘คุณศัพท์’ ส่วน
gerund ทำหน้าที่เป็น ‘คำนาม’ เมื่อ gerund เป็น ‘คำนาม’ gerund จึงทำหน้าที่ได้ดังต่อไปนี้
1. ใช้เป็นประธานของประโยค
2. ใช้เป็นกรรมของบุพบท
3. ใช้เป็นกรรมของคำกริยา vt
4. ใช้ตามหลัง verb to be เพื่อแสดงตัวตนของประธาน (subjective comple-ment)
1. การใช้ gerund เป็นประธานของประโยค
การใช้ gerund เป็นประธานของประโยคนี้ เราสามารถสร้างเองได้ โดยการนำคำกริยาที่ไม่ต้องมีกรรมมารองรับหรือที่ต้องมีกรรมมารองรับคำใดก็ได้มาทำเป็น gerund โดยการเติม –ing เข้าไปที่คำกริยาคำนั้น แล้วก็นำมาเป็นประธานของประโยคได้ทั อ่านต่อ...
Gerund มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับ present participle แต่ทำหน้าที่ต่างกัน นั่นคือ present participle ทำหน้าที่เป็น ‘predicative adjunct’ และ ‘คุณศัพท์’ ส่วน
gerund ทำหน้าที่เป็น ‘คำนาม’ เมื่อ gerund เป็น ‘คำนาม’ gerund จึงทำหน้าที่ได้ดังต่อไปนี้
1. ใช้เป็นประธานของประโยค
2. ใช้เป็นกรรมของบุพบท
3. ใช้เป็นกรรมของคำกริยา vt
4. ใช้ตามหลัง verb to be เพื่อแสดงตัวตนของประธาน (subjective comple-ment)
1. การใช้ gerund เป็นประธานของประโยค
การใช้ gerund เป็นประธานของประโยคนี้ เราสามารถสร้างเองได้ โดยการนำคำกริยาที่ไม่ต้องมีกรรมมารองรับหรือที่ต้องมีกรรมมารองรับคำใดก็ได้มาทำเป็น gerund โดยการเติม –ing เข้าไปที่คำกริยาคำนั้น แล้วก็นำมาเป็นประธานของประโยคได้ทั อ่านต่อ...
Infinitive
การใช้กริยา 2 ตัวนี้มันแทบจะไม่ต่างกันเลย เพียงแค่ตัด to กับไม่ตัด to แต่เวลานำมาใช้จริงกับแตกต่างกันมาก ซึ่งจุดนี้คือจุดที่หลายคน งง กันมาก
1.Infinitive with to....
Infinitive with to.....หรือ กริยาช่อง 1 ที่นำหน้าด้วย To เป็นกริยาที่ตามด้วย to + infinitive ตามหลังกริยาแท้ส่วนลักษณะการใช้นั่นก็แบ่งหน้าที่การใช้ได้หลายรูป เช่น เป็นคำนามทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค, เป็นกรรมของประโยค
, ทำหน้าที่เป็ อ่านต่อ...
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)